เหตุใดจึงเก็บเท่าไหร่ ก็ไม่ได้อ ย่ างที่ตั้งใจสักที หรือเรากำลังเก็บเ งิ น แบบผิ ดๆอยู่นะ เรามีเ ท ค นิ คการตั้งเป้าห ม า ย ในการเก็บเ งิ น ที่สามารถทำได้ และไม่สำบากตัวเอง สามารถมีเ งิ นไปช็อป เที่ยว ให้ตัวเองมีความสุขได้ไม่ย าก
1. เราจงแบ่ งสัดส่วน ของเ งิ น
ทำบันทึก ร า ยรับร า ยจ่าย เพื่อที่เราจะได้รู้ว่าเรามีร ายได้และร า ยจ่ายแค่ไหนกัน แล้วนำการจดบันทึกนั้น วิเคราะห์ว่าเราควรเก็บเ งิ น เดือนละเท่าไหร่ มีเ งิ นสำหรับใช้จ่าย เท่าไหร่ เราจะได้รู้ และมันจะทำให้เราจัดการ เ งิ นของเราได้ง่ายขึ้น
2. เราจงนำเ งิ นออมมาล งทุ น
เก็บเ งิ นคือสิ่งที่ดีแต่จะดียิ่งขึ้น หากเรานำเ งินนั้น มาทำให้เกิดผล ที่งอ กเงยด้วยการนำไปลงทุ นต่อ แต่มันก็ล้วนแล้วแต่มีความเสี่ ยงที่ต้องยอมรับนะ ฉะนั้นเราจึงควรศึกษาร า ยละเอียดในการลงทุ นให้ดี ก่อนที่จะทำอะไร เพื่อที่เราจะได้สามารถเลือ กวิธีการล งทุนที่เ หมาะกับเราได้
3. เ ปลี่ยนทัศนคติ เรื่องการเก็บเ งิ น
การเก็บเ งิ น ควรมาเป็นอันดับหนึ่ง ไม่ใช่สิ่งที่จะทำเป็นเรื่องสุดท้ายนะ พอเ งิ นเราเหลือหล า ยคน มีทัศนคติ เกี่ยวกับการเก็บเ งิ น ที่ผิ ดๆเช่นการใช้เ งิ นที่หามาได้ก่อ น พอเ งิ นเหลือค่อยนำมาเก็บออม และหากไม่เหลือก็ไม่ต้องเก็บเลย ซึ่งเช่นนี้ เป็นควา มคิดที่ผิ ด มันจะทำให้เรากล า ยเป้นคน ไม่มีวินัยทางการเ งิ น
และเป้าห ม า ยในการออมเ งิ น ที่ตั้งไว้ก็ทำไม่สำเร็จสักที จนบางที่มันทำให้รู้สึกท้อแท้ แล้วตั้งคำถามกับตัวเองว่า เหตุใดเราจึงไม่มีเ งิ นเก็บ ที่ถูกต้องที่สุด คือ การ เก็บก่อนใช้ แบ่ งเ งิ นเก็บออ กมา จากร ายได้ของเราทันที เพื่อป้องกันไม่ให้เราเผลอใช้เ งิ นนั้นจนหมด แล้วมันยังทำให้เรามองเห็นจำนวนตัวเลข ที่เราส ามารถใช้ได้จริง ไม่ใช่ใช้เ งิ นทั้งหมดโดยที่ไม่แบ่ งมาออมเลย
4. ตั้งเป้าห ม า ย สำหรับการออมเ งิ นที่ชัดเจนขึ้น
คนทุกคนก็อย ากมีเ งิ นเก็บ แต่ไม่ได้ระบุลงร า ยละเอียดไปว่าต้องการเก็บเ งิ นให้ได้ จำนวนเท่าแค่ไหน ภายในระยะเวลาเท่าไหร่ ถ้าเรามีเป้าหม ายในการออมเ งิ นอยู่แล้ว เช่นต้องการเก็บ เ งิ นเพื่อนำไปซื้ อบ้าน หรือไว้ใช้ ตอนวัยเกษียณ เราควรระบุ ให้ชัดเจนไปเลย เพื่อที่เราจะได้มองเห็นจุดห ม า ยปล า ยท าง ในการเก็บเ งิ นของเรา และเราจะมีกำลังใจมากขึ้นเวลาที่เห็นตัวเลข ที่เพิ่มมากขึ้น
ที่มา san-sabai