จะทำอ ย่ างไรหากเกิดความรู้สึกไม่โอเคกับพ่อแม่ตัวเอง

ใครเคยเป็นบ้างกับความรู้สึกที่ไม่โอเคกับการกระทำพ่อแม่ เอาง่ายๆคือไม่พอใจนั่นแหล่ะ แล้วเวลาเป็นแบบนี้คุณใช้วิ ธีจัดการยังไงกัน วันนี้เรามีบทความเกี่ยวกับเรื่องนี้มาฝากกัน จะเป็นอ ย่ างไรนั้นเราไปดูกันเลย

สาเหตุที่ทำให้ลูกไม่ชอบพ่อแม่ตัวเอง

อ ย่ างที่เรารู้กันว่าเรื่องความสัมพันธ์ในครอบครัวเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน โดยเฉพาะ ความรู้สึกไม่โอเคกับพ่อแม่ตัวเอง หล า ยคนอาจนึกไม่ออ กว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นได้อ ย่ างไร เ พ ร า ะไม่มีประสบการณ์ร่วม

หรือมีแนวคิดที่ว่าต่อให้พ่อแม่ทำตัวแย่กับเราแค่ไหน ลูกก็ควรตอบแทนพ่อแม่ในฐานะคนดีที่ควรกตัญญู แต่สำหรับทางจิตวิทย าแล้ว ความรู้สึกและพฤติก ร ร ม ทุกอ ย่ างมักมีที่มาที่ไปอยู่เสมอ ซึ่งหล า ยครั้งอาจซับซ้อนเกินกว่าที่เราจะเข้าใจ เนื่องจากมีทั้งสาเหตุที่ตรงไปตรงมาและทางอ้อม

1. ทางอ้อม

เ พ ร า ะจิตใจเป็นเรื่องซับซ้อนเกินกว่าหล า ยคนจะนึกถึง การกระทำบางอ ย่ างที่ดูเหมือนไม่มีผลอะไรกลับสร้างบา ดแผ ลในใจได้มากมาย ดุจดาว วัฒนปกรณ์ ยกตัวอ ย่ างกรณีศึกษา

ของผู้ที่เคยมาบำบัดว่า มีผู้ป่ ว ยคนหนึ่งที่รู้สึกไม่ชอบพ่อแม่ตัวเองอ ย่ างไม่ทราบสาเหตุ เมื่อมองย้อนกลับไป พ่อแม่ก็เลี้ยงดูมาอ ย่ างดี ทั้งส่งให้เรียน ให้ความอบอุ่น จนไม่น่าจะมีปัญหาใดๆ

แต่ความรู้สึกเมื่ออยู่กับพ่อแม่จะมีแต่ความขุ่น มัว รู้สึกว่าพ่อแม่ทำอะไรก็ผิ ด ทำอะไรก็ไม่ได้ดังใจ จนเข้ามาพบจิตแ พ ท ย์และนักจิตบำบัด เมื่อค่อยๆ ย้อนกลับไปถึงเหตุการณ์ในอ ดีตก็พบว่า

ตอนเ ด็ กๆ ผู้หญิงคนนี้ถูกคนในครอบครัวที่ไม่ใช่พ่อแม่ล่วงละเมิดทางเพศ ขณะนั้นเธอยังเ ด็ กเกินกว่าจะต่อสู้ ความรู้สึกที่เกิดขึ้นคือนอ กจากจะเก ลี ย ดผู้ที่กระทำแล้ว ยังรู้สึกโ ก ร ธพ่อแม่

เ พ ร า ะเธอถูกกระทำในบ้านที่เป็นพื้นที่ปลอ ดภั ย และรู้สึกว่าพ่อแม่จะต้องมีหน้าที่ปกป้องคุ้มครองเธอได้ ความรู้สึกโ ก ร ธนั้นไม่ได้แสดงออ กมาแต่แรก แต่ถูกกักเก็บไว้ในใจ จนค่อยๆ แสดงออ กมาเป็นความรู้สึกไม่ชอบ

ในที่สุดจะเห็นได้ว่าสาเหตุทั้งทางตรงและทางอ้อม บางครั้งเกิดจากเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่ไม่น่าเกี่ยว แต่ในความจริงมันเชื่อมโยงกันอ ย่ างที่เราคิดไม่ถึง ถ้าหากลองนั่งสำรวจตัวเองอาจใช้เวลานานและไม่พบสาเหตุที่แท้จริง เ พ ร า ะฉะนั้นการเดินเข้าไปหาผู้เชี่ยวชาญจึงเป็นทางออ กที่ควรทำ

2. ทางตรง

ลูกอาจโดนพ่อแม่หรือคนที่เลี้ยงดูกระทำความรุ นแ ร งทางกาย ทั้งทุบตีหรือลงไม้ลงมือโดยไม่ถามหาเหตุผล เ พ ร า ะคิดว่าลูกคือสมบัติของตัวเอง เมื่อรู้สึกว่าลูกทำอะไรไม่ได้ดังใจ

จึงลงโ ท ษเพื่อเป็นการสั่งสอน บางคนใช้เป็นเครื่องระบายอารมณ์ หรือบางคนกักขังหน่วงเหนี่ยว ไม่ให้อิสระ เ พ ร า ะคิดว่าการเห็นลูกอยู่ภายใต้การควบคุมจะทำให้ลูกปลอ ดภั ย อ ย่ างร้า ยแร ง

ที่สุดคือ การล่ว งละเมิ ดทางเ พ ศที่เราพบเห็นในข่ า ว ก็เป็นอีกสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดความรู้สึกด้านลบขึ้น เ พ ร า ะส่วนใหญ่ลูกจะคิดว่าตัวเองและพ่อแม่มีความสัมพันธ์ที่พิเศษระหว่างกัน

จึงยอมให้พ่อแม่ล่วงล้ำเข้ามามีอิทธิพลเหนือตัวเองอยู่เสมอ นอ กจากการกระทำทางด้านร่า งกา ยแล้ว สิ่งที่ลูกหล า ยคนถูกกระทำคือเรื่อง คำพูด ที่แม้จะดูไม่เป็นรูปธรรมและไม่ได้รุ นแ ร งในความรู้สึกของใครหล า ยคน แต่ในมุมของจิตวิทย า

แล้วคำพูดที่ทั้งด่ าทอ ส่อเ สี ยด หย า บคา ย หรือบางครั้งการพูดถึงข้ อด้อยของลูกซ้ำๆ อ ย่ างการด่าว่าโ ง่ เ ล ว อ กตัญญู สิ่งเหล่านี้จะเข้าไปกระทบจนความรู้สึกของลูกบอบช้ำ

สร้างเป็นความรู้สึกด้านลบที่มีต่อพ่อแม่อ ย่ างหลีกเลี่ยงไม่ได้ นอ กจากนี้ยังรวมไปถึงวิ ธีการเลี้ยงดู ที่บางครั้งพ่อแม่แสดงตนว่าเป็นผู้ที่อยู่เหนือ กว่า เป็นผู้ออ กคำสั่งและตัดสินใจแทนลูก

วิ ธีนี้มักสร้างระยะห่างและทำให้ลูกรู้สึกอยู่ภายใต้การบังคับบัญชา เวลาไปเจออะไรมาก็เลือ กที่จะไม่ปรึกษา ระยะห่างนี้จะค่อยๆ เพิ่มขึ้น ซึ่งกว่าจะรู้ตัวอีกทีต่างคนต่างกล า ยเป็นคนอื่น พ่อแม่บางคนเพิกเฉยต่อสิ่งที่ลูกสนใจเ พ ร า ะคิดว่าเป็นเรื่องไม่สำคัญ แต่สำหรับลูกคือ การทอ ดทิ้งทางสภาวะอารมณ์ที่เมื่อทำอ ย่ างนี้บ่อยเข้า แม้ว่าครอบครัวจะอยู่กันพร้อมหน้า ลูกก็อาจรู้สึกโดดเดี่ยวขึ้น มาอ ย่ างหาสาเหตุไม่ได้ ซึ่งการเพิกเฉยหรือ การใช้คำพูดก็รุ นแ ร งไม่ต่างอะไรกับการทุบตีทางกายเลยแม้แต่น้อย

จะทำอ ย่ างไรหากเกิดความรู้สึกไม่โอเคกับพ่อแม่ตัวเอง

ไม่ว่าสาเหตุจะเกิดจากอะไร คนที่มีความรู้สึกแบบนี้จะเป็นทุ ก ข์อ ย่ างมาก เ พ ร า ะจะสับสน ด้านหนึ่งก็ทุ ก ข์กับสิ่งที่พ่อแม่กระทำต่อเรา แต่อีกด้านก็ไม่อย ากเป็นคนอ กตัญญู เ พ ร า ะมีความเชื่อ ว่าผู้ให้กำเนิดคือผู้มีพระคุณสูงสุดที่ต้องตอบแทน ลองค่อยๆ คิดต ามนี้อ ย่ างใจเย็นและเป็นขั้ น ต อ น อาจช่วยให้ความสับสนค่อยๆ คลี่คล า ยลงได้

1. ถามตัวเองว่าเรารู้สึกอะไรกันแน่

เมื่อเริ่มเข้าใจแล้วว่าเป็นสิ่งไม่ผิ ดที่เราจะรู้สึกไม่โอเคกับพ่อแม่ ลองลงรายละเอียดความรู้สึกว่าไม่โอเคนั้นเป็นประเภทไหนกันแน่ อาจเป็นความโ ก ร ธ เก ลี ย ด หมั่ นไ ส้ หรืออิจฉา แล้วค่อยๆ ใช้เวลาย้อนกลับไปนึกถึงเรื่องที่ผ่าน มาว่าความรู้สึกนี้เริ่มต้น มาตั้งแต่ตอนไหน สถานการณ์อะไรที่ทำให้เราเริ่มรู้สึกแบบนี้ ขั้ น ต อ นสำรวจความรู้สึกตัวเองอาจใช้เวลานาน

และหล า ยคนไม่ประสบความสำเร็จ จึงอาจต้องพึ่งพาผู้เชี่ยวชาญในการพูดคุยหรือบำบัด แล้วเราจะเข้าใจต้นเหตุของความรู้สึกได้ชัดเจน มากขึ้นการเข้าใจต้นตอของความรู้สึกทั้งหมด เป็นเรื่องสำคัญ เ พ ร า ะเมื่อเราเข้าใจเรื่องราวทั้งหมด เราจะสามารถให้อภั ยพ่อแม่ ให้อภั ยตัวเอง และที่สำคัญเราจะดีลกับความรู้สึกนั้นได้ในที่สุด

2. แยกตัวเองออ กมาจากสถานการณ์นั้น

เมื่อถอยไปสังเกตการณ์อ ย่ างคนนอ ก เราอาจเห็นว่าเป็นความสมเหตุสมผลอ ย่ างมากที่มนุษย์คนหนึ่งจะรู้สึกโ ก ร ธ เก ลี ย ด หรือเอือมต่อสิ่งที่ถูกปฏิบัติ เป็นสิทธิที่มนุษย์คนหนึ่ง พึงจะรู้สึกได้อ ย่ างไม่ผิ ดบาป

3. ผ่อนคล า ยตัวเองจากแนวคิดเรื่องกตัญญู

ความกตัญญูเป็นความเชื่อที่สังคมไทยยึดถือว่าเป็นเครื่องหมายของคนดี และถ้าเราจะเลือ กเชื่อเช่นนั้นก็ไม่ใช่เรื่องผิ ด แต่ถ้าแนวคิดนี้กล า ยเป็นกับดักให้แก้ปัญหาบางอ ย่ างไม่ได้ ลองอนุญาตให้ตัวเองถอ ดแนวคิดนี้ลงชั่ วคราว แล้วมองสิ่งที่พ่อ กับแม่กระทำต่อเราอ ย่ างที่เช่นที่มนุษย์ต่อมนุษย์พึงปฏิบัติต่อ กัน อาจทำให้เราเห็นสถานการณ์ต่างๆ ชัดเจนขึ้น

4. อ ย่ าเพิ่งลงโ ท ษตัวเอง

นี่เป็นเรื่องสำคัญที่สุด เ พ ร า ะหล า ยคนที่รู้สึกไม่ชอบพ่อแม่จะลงโ ท ษตัวเองอ ย่ างทันทีทันใด และรีบเป็นศาลตัดสินโดยอัตโนมัติว่าตัวเองเป็นคนเ ล ว อ กตัญญู บางคนพย าย ามเก็บกด ความรู้สึกไม่ชอบพ่อแม่ไว้ด้วยการฝืนตอบแทนความดีด้วยวิ ธีการต่างๆ แต่ในเมื่อต้นตอของปัญห า ยังไม่ถูกแก้ไขให้ตรงจุด ก็จะเกิดความขัดแย้งในใจเรื่อยไปอ ย่ างไม่รู้จบ จนบางครั้ง ความไม่พอใจที่กักไว้อาจปะทุขึ้น มาในวันใดวันหนึ่งจนนำไปสู่ความรุ นแ ร งเลยก็มี

5. พบผู้เชี่ยวชาญ

เมื่อสิ่งที่เรากำลังรู้สึกอยู่นั้นย ากเกินกว่าจะรับมือด้วยตัวเองคนเดียว การพบจิตแ พ ท ย์หรือนักจิตบำบัดจึงเป็นทางออ กที่ควรนึกถึง เ พ ร า ะนอ กจากจะทำให้เราเข้าใจตัวเองแล้ว ยังอาจทำให้เราเห็นวิ ธีคิดอื่นๆ ที่ไม่เคยคิดมาก่อนและทำให้เราจัดการกับปัญหานี้ได้ จะเป็นการดีที่สุดถ้าหากพ่อแม่รับรู้และตระหนักถึงปัญหานี้และพากันไปพบผู้เชี่ยวชาญกันทั้งครอบครัว

เ พ ร า ะในปัจจุบัน มีจิตแ พ ท ย์ที่เชี่ยวชาญด้านปัญหาครอบครัว ที่จะช่วยบำบัดรั กษ าไปพร้อมๆ กัน ปัญหาจะคลี่คล า ยได้เร็วขึ้น หากกำลังเผชิญหน้าความรู้สึกนี้อยู่คนเดียวก็อ ย่ าลังเลที่จะไปพบจิตแ พ ท ย์ เ พ ร า ะหล า ยคนกังวลว่าต่อให้รั กษ าแล้วกลับบ้าน มาเจอพ่อแม่อีก ก็จะเกิดความรู้สึกเดิมอีก ไม่มีวันรั กษ าห า ยอยู่ดี

ที่จริงไม่เป็นจริงอ ย่ างนั้นเสมอไป เ พ ร า ะทุกครั้งที่ได้พบจิตแ พ ท ย์จะทำให้เรามีแนวคิดใหม่ๆ สร้างวิ ธีการรับมือใหม่ๆ ที่ลึกซึ้งและกว้างขึ้น ต่อให้กลับมาเจอปัญหาเดิมที่บ้าน เราก็จะจัดการ กับปัญหานั้นได้ดีขึ้นปัญหาความสัมพันธ์ในครอบครัวเป็นเรื่องซับซ้อนก็จริง แต่อ ย่ าเพิ่งหมดหวัง หล า ยคน มักปล่อยเ พ ร า ะย ากเกินกว่าจะจัดการ หล า ยคนรีบตัดสินตัวเองว่าเป็นคนเ ล วทรา ม

ที่เกิดความคิดแบบนี้ แต่อย ากให้ลองคิดอีกด้านว่า ถ้าเราปล่อยให้ความรู้สึกนี้คาราคาซังต่อไป มันจะสร้างแบบแผนความสัมพันธ์ที่บิดเบี้ยว สร้างพฤติก ร ร มรุ นแ ร งจน มัดเป็นปมแน่น และกระทบความสัมพันธ์อื่นๆ ในชีวิต ซึ่งถึงเวลานั้นอาจจะย ากเกินไปที่จะสะสางจริงๆ ก็เป็นได้

ที่มา t h e s t a n d a r d  fahhsai